สำหรับบรรดามนุษย์เงินเดือน และผู้ที่มีรายได้ทั้งหลาย ก็ถึงเวลาที่ต้องรวบรวมเอกสารภาษีทั้งหมดเพื่อ ยื่นภาษี หรือแบบ ภ.ง.ด. ในระบบของกรมสรรพากร จนถึง 31 มีนาคม 2563 นอกจากเอกสารรายได้แล้ว อีกสิ่งสำคัญคือสิทธิลดหย่อนต่างๆ ที่เป็นเหมือนตัวช่วยให้ประหยัดภาษีขึ้นมาได้บ้าง ก็ถึงเวลาที่ต้องขอหลักฐานยืนยันทั้งหมดเพื่อรวบรวมแล้วยื่นไปในระบบควบคู่กับเอกสารเงินได้
ยื่นภาษี แล้วใครต้องเสียเท่าไหร่บ้าง
ในปีภาษี 2562 (หรือการยื่นช่วงต้นปี 2563) สำหรับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรม เป็นการจัดเก็บแบบขั้นบันได 5-35% ของรายได้สุทธิ หรือ รายได้ทั้งหมดหักค่าลดหย่อนทุกอย่างแล้ว โดยผู้ที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 150,000 บาทต่ปี คุณก็จะเป็นผู้ได้รับยกเว้นภาษี
หรืออธิบายอีกอย่างได้ว่า หากคุณเป็นมนุษย์เงินเดือนมีรายได้ที่มาจาก เงินเดือนหรือค่าจ้างทั้งปี 310,000 บาท หักค่าใช้จ่ายส่วนตัว 100,000 บาท (วงเงินหักค่าใช้จ่าย 50% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 100,000 บาท) บวกกับค่าลดหย่อนส่วนตัวอีก 60,000 บาท คุณก็จะมีรายได้สุทธิ 150,000 บาท ก็เท่ากับว่าคุณคือ “ผู้ได้รับยกเว้นภาษี”
ดังนั้นถ้ารวมรายได้ทั้งปีไม่ถึง 310,000 บาท หรือมีเงินเดือนไม่เกินเดือนละ 25,833.33 บาท คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปหาสิทธิลดหย่อนภาษีอื่นๆ มาเพื่อประหยัดภาษี (แต่สำหรับใครที่รายได้พึงประเมินไม่ได้มาจากเงินเดือน หรือค่าจ้าง การหักค่าใช้จ่ายจะมีสัดส่วนที่แตกต่างกันออกไป แนะนำให้ดูข้อมูลจาก กรมสรรพากร >> คลิกเพื่อดูการหักค่าใช้จ่าย) ส่วนผู้ที่มีรายได้สุทธิเกิน 150,000 บาทต่อปี ลองเช็คจากตารางดูว่าคุณต้องเสียภาษีเท่าไหร่
เช็คสิทธิลดหย่อน มีอะไรช่วยได้บ้าง
สำหรับผู้ที่คำนวณแล้วมีรายได้เกิน 310,000 บาทต่อปี ก็คงต้องมาหาสิทธิลดหย่อนเพื่อช่วยประหยัดภาษี ลองมาตรวจสอบกันดูว่า เราได้สิทธิอะไรบ้าง จะได้รวบรวบเอกสารยื่นกรมสรรพากรได้ครบถ้วน เผื่อได้สิทธิเงินคืนภาษีจะได้ไม่ต้องรอนาน ถ้าคุณรวบรวบเอกสารทุกอย่างครบถ้วนและถูกต้อง
ค่าลดหย่อนส่วนตัว
- ค่าลดหย่อนส่วนตัว ลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท ลดได้ทันทีที่ยืนแบบแสดงรายได้
- ค่าลดหย่อนคู่สมรส ลดหย่อนได้ 60,000 บาท ต้องเป็นกรณีคู่สมรสที่จดทะเบียนสมรส และไม่มีรายได้ หรือมีรายได้แต่เลือกคำนวณภาษีพร้อมกัน ในส่วนนี้ควรเตรียมเอกสารทะเบียนสมรสไว้ด้วย
- ค่าลดหย่อนบุตร 30,000 บาท ต่อลูก 1 คน นอกจากนี้ยังมีค่าลดหย่อนบุตรคนที่ 2 ขึ้นไป ซึ่งเกิดตั้งแต่ปี 2561 จะได้รับสิทธิลดหย่อนเพิ่มอีก 60,000 บาท (ตามนโยบายส่งเสริมให้มีลูกเพิ่มขึ้น) ส่วนนี้ควรเตรียมเอกสารสูจิบัตร หรือใบรับรองบุตรไว้ยืนพร้อมการ ยื่นภาษี
- ค่าฝากครรภ์และค่าคลอดบุตร ลดหย่อนได้ไม่เกินปีละ 60,000 บาท (หากเป็นคุณสามีสามารถนำค่าใช้จ่ายนี้ไปหย่อนในรายการของตัวเองได้ ในกรณีที่ภรรยาไม่มีเงินได้)
- ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา ซึ่งต้องอายุ 60 ปีขึ้นไป ได้คนละ 30,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 4 คน (รวมพ่อแม่ของคู่สมรส) แต่หากมีพี่น้องและพี่น้องของเราใช้สิทธิ์ไปแล้ว เราจะไม่สามารถใช้สิทธิตรงนี้ได้ ในส่วนนี้ให้เตรียมเอกสารรับรองการหักลดหย่อนค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา (ดาวน์โหลดได้ที่นี่)
- ค่าอุปการะคนพิการ หรือ คนทุพพลภาพ ลดหย่อนได้ 60,000 บาทต่อคน หากเป็นผู้พิการต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการ และระบุชื่อผู้มีเงินได้เป็นผู้ดูแลในบัตรประจำตัวคนพิการ ส่วนคนทุพพลภาพ จะต้องเป็นผู้ทุพลภาพมาแล้วไม่น้อยกว่า 180 วัน มีใบรับรองแพทย์ที่ออกในปีภาษีขอใช้สิทธิหักลดหย่อน และมีหนังสือรับรองการเป็นผู้อุปการะ (ดาวน์โหลดได้ที่นี่)
ค่าลดหย่อนกลุ่มประกัน เงินออมและการลงทุน
- ประกันสังคม ที่ลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาทต่อปี
- เบี้ยประกันชีวิต หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพ หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 15,000 บาท แต่เมื่อรวมกับประกันชีวิตแล้วจะต้องไม่เกิน100,000 บาท
- เบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดา ได้ไม่เกิน 15,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตคู่สมรส หากคู่สมรสไม่มีเงินได้ 10,000 บาท
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ หักลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้และต้องไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งเมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และ กองทุน RMF จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท ส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 15% ของรายได้และไม่เกิน 490,000 บาทจะได้รับการยกเว้น ไม่ต้องเอาไปคำนวณภาษี
- เงินสะสมกองทุน กบข.และกองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน ลดหย่อนได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี หรือ ไม่เกิน 500,000 บาท
- เงินสะสม กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 13,200 บาท
- กองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท โดยต้องซื้อและถือครองเอาไว้อย่างน้อย 7 ปีปฏิทิน ( ปีสุดท้ายสำหรับการใช้สิทธิลดหย่อนในการ ยื่นภาษี )
- กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชี้ หรือ RMF ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของเงินได้แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท และต้องลงทุนต่อเนื่องถึงอายุ 55 ปี
ในค่าลดหย่อนกลุ่มประกัน เงินออมและการลงทุน จะมีเอกสารรับรองเพื่อใช้ในการ ยื่นภาษี ซึ่งบางแห่งอาจมีจดหมายส่งมาถึงบ้าน หรือบางแห่งอาจให้คุณดาวน์โหลดเอกสารเองจากเวปไซต์ ลองตรวจเช็คเอกสารส่วนนี้ด้วย
ค่าลดหย่อนด้านอสังหาริมทรัพย์
- ลดหย่อนดอกเบี้ยที่อยู่อาศัย สำหรับผู้ที่กู้เงินซื้อบ้านหรือคอนโด สามารถนำดอกเบี้ยที่จ่ายไปมาลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
- ลดหย่อนภาษีโครงการบ้านหลังแรก ปี 2558 ในกรณีที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คุณสามารถนำราคาบ้านมาลดหย่อนได้ปีละ 4% ในเวลา 5 ปี รวม 20%
- ลดหย่อนภาษีโครงการบ้านหลังแรก ปี 2562 สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท สามารถนำมาลดหย่อนได้ไม่เกิน 200,000 บาท
เงินบริจาค
- เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา สถานพยาบาลของรัฐ สนับสนุนการกีฬา และเงินบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ สามารถหักได้ 2 เท่า ตามที่จ่ายจริงแต่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 10% ของรายได้พึ่งประเมินหลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆแล้ว
- เงินบริจาคช่วยเหลืออุทกภัยน้ำท่วมจากพายุปาบึก ลดหย่อนได้ตามบริจาคจริง
- เงินบริจาคทั่วไป ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่าย
- เงินบริจาคให้พรรคการเมือง ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
ในส่วนของเงินบริจาคต้องเป็นการบริจาคที่เกิดขึ้นในรอบปี 2562 ลองตรวจเอกสารยืนยันการบริจาคให้ครบ เพื่อนำมาประกอบการ ยื่นภาษี
ค่าลดหย่อนพิเศษตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ
- ซื้อสินค้าการศึกษาและกีฬา ไม่เกิน 15,000 บาท
- ซื้อหนังสือ ไม่เกิน 15,000 บาท
- ซื้อสินค้าโอทอป ไม่เกิน 15,000 บาท
- ท่องเที่ยวเมืองหลัก 15,000 บาท ท่องเที่ยวเมืองรอง 20,000 บาท (แต่รวมกันทั้งเที่ยวเมืองหลักและเมืองรองไม่เกิน 20,000 บาท)
- ค่าซ่อมบ้านหรือรถ กรณีประสบภัยจากพายุปาบึก พายุโพดุล พายุคาจิกิ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตามจริง กรณีค่าซ่อมบ้านลดหย่อนได้ตามค่าใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนซ่อมรถ ตามค่าใช้จ่ายแต่ไม่เกิน 30,000 บาท