สิ่งที่ควรรู้!!ก่อนชื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษี

สิ่งที่ควรรู้!!ก่อนชื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษี

ก่อนจะตัดสินใจซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษี ขอให้เริ่มต้นทำความเข้าใจจาก “ความจริง” ของประกันชีวิตที่ควรรู้ทั้ง 10 ข้อนี้ก่อน เพื่อให้
เรามั่นใจว่า เราได้เลือกซื้อประกันที่เหมาะสมกับเราได้อย่างแท้จริง

1. ประกันชีวิต ไม่ใช่การฝากเงิน ถึงแม้ว่าประกันชีวิตจะมีลักษณะคล้ายเงินฝาก แต่ที่แท้จริงประกันชีวิตเป็นการทำสัญญาตกลงระยะยาว 
โดยมีการจ่ายเบี้ยตามที่กำหนดไว้ให้กับบริษัทประกันเพื่อคุ้มครองชีวิต

2. นึกถึงประกันชีวิต เมื่อจะลดหย่อนภาษีอย่างเดียวไม่ได้ เพราะหน้าที่ของประกันคือการบริหารความเสี่ยงเป็นหลัก ถ้าคิดแต่จะซื้อเพื่อ
ลดหย่อนภาษี ให้ได้ลดหย่อนเยอะๆ หรือลดให้เต็มสิทธิ์ บางทีแล้วอาจจะเป็นการลดหย่อนที่มากเกินความจำเป็น และไม่ได้มองถึงภาพรวม
ของการวางแผนการเงินเพื่อชีวิตได้อย่างถูกต้อง


3. ประกันที่เหมาะสำหรับลดหย่อนภาษีไม่ได้มีแค่เฉพาะประกันแบบสะสมทรัพย์
 ที่จริงแล้วประกันชีวิตมีหลายประเภท ทั้งเน้นความ
คุ้มครองชีวิต และออมเงินระยะยาว ซึ่งทุกประเภทนั้นสามารถลดหย่อนภาษีได้เหมือนกัน สิ่งที่ต้องดูจริงๆ คือ “ความจำเป็น” ของแต่ละคน
เพราะถ้าหากเราต้องการแบบคุ้มครองชีวิต แต่ไปทำสะสมทรัพย์แทน แม้จะลดภาษีได้ แต่ถือว่าบริหารความเสี่ยงผิดพลาด เพราะแบบสะสม
ทรัพย์นั้นให้ความคุ้มครองต่ำ หากเกิดอะไรที่ไม่คาดฝันขึ้นมา คนข้างหลังได้เงินน้อยกว่าแบบเน้นคุ้มครองชีวิต

4. ประกันสั้นๆ ไม่ได้ดีกว่าประกันยาวๆ บางคนเลือกประกันสะสมทรัพย์ เน้นเงินออม และตั้งใจจะจ่ายเบี้ยสั้นๆ ด้วย เพราะคิดว่าไม่อยาก
จ่ายยาว เป็นภาระ แต่ความจริงก็คือ ควรจะสั้นหรือยาว ขึ้นอยู่กับเป้าหมายการเงิน และความจำเป็นในชีวิต เช่น เป้าหมายการออมของเราคือ
เพื่อเอาไว้ใช้หลังเกษียณ ก็ต้องออมยาว หรือความจำเป็นคือ เรามีภาระเลี้ยงดูลูก มีภาระหนี้สินที่ต้องผ่อนอีก 30 ปีกว่าปี แบบนี้ก็ต้องการ
ความคุ้มครองยาวกว่า เพื่อให้เรามั่นใจว่าตรงกับทุกความต้องการที่เรามี

5. จ่ายเบี้ยสั้นๆ ไม่ได้ดีกว่าจ่ายเบี้ยยาวๆ เช่นเดียวกัน ประกันแต่ละแบบนั้น มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การจ่ายเบี้ยยาวๆ นั้น ก็เหมือนกันกับ
จ่ายคืนเงินกู้บ้าน เพราะยิ่งยาว เงินผ่อนต่องวดจะยิ่งลดลง ประกันก็เช่นเดียวกัน แบบประกันที่สัญญายาวเท่ากัน แบบที่จ่ายเบี้ยยาวกว่า จะถูก
กว่าแบบที่จ่ายเบี้ยสั้นกว่า

6. แบบที่มีเงินคืน ไม่ได้ดีกว่าแบบที่ไม่มีเงินคืน หรือจ่ายเบี้ยทิ้ง ที่จริงแล้วประกันแบบที่มีเงินคืนนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นแบบสะสมทรัพย์
ทำเพื่อการันตีเงินออม ส่วนแบบที่ไม่มีเงินคืนคือเป็นแบบเน้นคุ้มครองชีวิต ถึงไม่มีเงินคืน แต่ถ้าเทียบกับเบี้ยที่จ่ายในจำนวนที่เท่ากัน แบบที่
เน้นคุ้มครองชีวิตที่ไม่มีเงินคืน จะได้วงเงินคุ้มครองชีวิตสูงกว่าเยอะมาก ยิ่งเป็นแบบจ่ายเบี้ยทิ้ง วงเงินคุ้มครองยิ่งสูงมากๆ

7. ทำประกันชีวิตเท่าที่พอใจจะจ่ายเบี้ย อาจมีผลเสียมากกว่าดี คำว่าเท่าที่พอใจจะจ่าย จะมีผลอยู่ 2 อย่าง คือจ่ายได้เยอะเกินไปกับ
จ่ายได้น้อยเกินไป

จ่ายได้เยอะเกินไป คือ การทำประกันมากเกินความจำเป็น แต่ถ้ามีการวางแผนที่ดี รู้จักเอาเงินส่วนหนึ่งไปวางแผนลงทุนบ้าง เราอาจจะได้มาก
กว่านั้นหลายเท่า แล้วยังเหลือเงินไปวางแผนด้านอื่นอีกด้วย

จ่ายน้อยกว่าที่จำเป็น คือ คนที่มีภาระการเงินเยอะ แต่ทำประกันวงเงินคุ้มครองแค่เพียงเล็กน้อย ซึ่งอาจจะไม่ครอบคลุมความเสี่ยงเพียงพอ
เพราะฉะนั้นต้องมองเรื่องการวางแผนการเงินให้ครบถ้วนด้วย

8. ประกันสุขภาพ ไม่ใช่เรื่องถ้าไม่เคลม ก็ไม่คุ้ม มักจะมีคนคิดว่า ทำประกันไป ถ้าไม่เคลมก็ไม่คุ้มสิ จ่ายเบี้ยทิ้งไปทุกๆ ปีแบบฟรีๆ เอาเงิน
ไปลงทุนดีกว่าไหม แล้วเป็นอะไรก็เอาดอกผลมาจ่ายค่ารักษา แต่ในความเป็นจริงก็คือ ไม่มีใครรู้อนาคตว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นเมื่อไร และถ้าหากรู้
อนาคตจริงๆ ประกันก็คงไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นอีกต่อไป เพราะทุกคนสามารถจัดการความเสี่ยงได้หมด หรือถ้าลองคิดดูว่า คุ้มคือการได้เคลม ก็แปลว่า
เราต้องเจ็บป่วย ซึ่งความเจ็บปวดทรมานที่เจอ กับเวลาที่ต้องเสียไปแบบนี้คือความคุ้มที่เราต้องการจริงๆ หรือ


9. เงื่อนไขที่ว่า ไม่ต้องตรวจหรือตอบคำถามสุขภาพ นั้นเป็นเรื่องจริง
 ต้องแยกก่อนว่ามันคือประกันที่ ไม่ต้องตรวจสุขภาพ หรือ
 ไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ

10. ยูนิตลิงก์ ไม่ใช่ประกัน ที่ดีที่สุด บางคนอาจเคยได้ยินมาว่า ยูนิตลิงก์คือสินค้ามหัศจรรย์ คือสุดยอดแบบประกันที่เจ๋งกว่าแบบประกัน
แบบเดิมๆ แต่จริงๆ แล้วทุกสินค้าการเงินนั้น มันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

สรุปทั้งหมดของ 10 ความจริงที่ควรรู้ก่อนทำประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนภาษีนั้น จะเห็นได้ว่า สิ่งที่จำเป็นที่สุดนั้นไม่ใช่เรื่องของการทำประกัน
แต่มันเป็นการวางแผนการเงินให้ครบองค์รวมทุกด้าน มองให้ออกว่าความต้องการที่แท้จริงนั้นเราต้องการอะไร และใช้ประกันเป็นอีกหนึ่งเครื่อง
มือในการช่วยเดินตามเป้าหมายอย่างเหมาะสม
#โปรแกรมบัญชี #WINSpeed#ประกันสุขภาพ

 537
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

Landed Cost คือ ต้นทุนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าจนถึงจุดหมายปลายทาง (เช่น คลังสินค้าของบริษัท) ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากราคาสินค้าเอง ทำให้สามารถคำนวณราคาที่แท้จริงของสินค้าเมื่อถึงมือผู้ซื้อหรือผู้นำเข้าได้อย่างถูกต้อง
สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แน่นอนว่ามักจะมีปัญหาทางการเงินเข้ามาให้เจ้าของธุรกิจต้องคอยรับมืออยู่ตลอดเวลา และแม้จะระมัดระวังเป็นอย่างดีด้วยความเป็นมือใหม่ก็อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าความผิดพลาดด้านการเงิน คือ หนทางแห่งความลำบากในการทำธุรกิจ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินในการทำธุรกิจ ลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้ดูเพื่อหาหนทางให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไป โดยข้อผิดพลาดที่ผู้ประกอบการมักพบกันก็คือ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ที่ทำให้กิจการจำเป็นและจำใจต้อง เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ใหม่ เรื่องที่สำคัญคือ
โปรแกรม ERP เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรที่เชื่อมต่อและรวมรวมข้อมูลทั้งหมดขององค์กรในระบบเดียวกัน โดยรวมถึงเรื่องบัญชีทางการเงินด้วย โดยโปรแกรม ERP จะช่วยให้ฝ่ายบัญชีสามารถดำเนินการตรวจสอบรายการเงินสด รายการเจ้าหนี้ รายการลูกหนี้ รายการค่าใช้จ่าย และรายการบัญชีอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
โปรแกรมบัญชี เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะงานบัญชีคือส่วนหนึ่งของธุรกิจ ที่ทำให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารเห็นภาพรวมขององค์กรอย่างชัดเจน การมีโปรแกรมบัญชีเข้ามาช่วยงานบัญชีทำให้องค์กรมีความราบรื่น ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรด้วย นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน
"ยื่นภาษี 2566" การจ่ายภาษีเป็นหนึ่งในหน้าที่ของประชาชนพลเมืองไทย คนไทยทุกคนที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่น "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" นี่ก็ผ่านมาถึงกลางปีแล้ว เพราะฉะนั้น ควรวางแผน ลดหย่อนภาษี ไว้แต่เนิ่น ๆ และหากใครกำลังสงสัยว่าสิทธิ "ลดหย่อนภาษี 2565" มีอะไรบ้าง ทีนี่มีคำตอบค่ะ
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์