มีองค์กรธุรกิจจำนวนมากเลือกใช้งานโซลูชั่นโปรแกรมบัญชี โปรแกรม ERP มากขึ้น ในขณะที่คุณกำลังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใช้งานโปรแกรมบัญชี โปรแกรม ERP ดีหรือไม่ ประโยชน์ 6 ข้อของโปรแกรมบัญชี โปรแกรม ERP นี้อาจช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมองค์กรธุรกิจการผลิตจึงเลือกใช้โปรแกรมบัญชี ERP
ประโยชน์ของโปรแกรมบัญชี ERP
1. การจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
ผู้ผลิตควรจะสามารถกำจัดกระบวนการที่เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย การใช้กระดาษบันทึกข้อมูลนั้นไม่มีประสิทธิภาพและไม่ปลอดภัย เนื่องจากอาจถูกฉีกขาดและสูญหายได้ง่าย แม้แต่ฮาร์ดดิสก์เองก็ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของข้อมูลได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนจำนวนมากที่ใช้งาน
ด้วยโปรแกรมบัญชี ERP ผู้ผลิตสามารถเข้าถึงข้อมูลที่หลากหลายผ่านระบบเดียว ผู้จัดการสามารถให้สิทธิ์การเข้าถึงแก่พนักงานที่รับผิดชอบการจัดการข้อมูล ด้วยระบบโปรแกรมบัญชี ERP บนคลาวด์ช่วยให้ผู้ที่มีสิทธิ์การเข้าถึงสามารถจัดการข้อมูลได้ตลอดเวลาตราบใดที่อุปกรณ์ยังเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต
2. ควบคุมสินค้าคงคลังให้สมบูรณ์
การจัดการสินค้าคงคลังเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับความราบรื่นของกระบวนการผลิต ด้วยการใช้โปรแกรมบัญชี ERP ผู้ผลิตสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของสต็อกภายในและภายนอกได้อย่างครอบคลุมยิ่งขึ้น ระบบนี้ยังช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถระบุผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่ต้องการของตลาดได้ เพื่อให้สามารถจัดการการจัดซื้อและการจัดจ้างได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมถึงการนำนวัตกรรมออกสู่ตลาด
3. ทุกแผนกของบริษัทเชื่อมต่อกันทั้งหมด
โปรแกรมบัญชี ERP สามารถรวมทุกแผนกของบริษัทได้ เช่นแผนกการเงิน ทรัพยากรบุคคล, สินค้าคงคลัง, ขาย, บริการลูกค้า, และอื่น ๆ ซึ่งหมายความว่าบริษัทไม่จำเป็นต้องดำเนินการด้วยตนเองและแยกการตรวจสอบแต่ละแผนก แผนกทั้งหมดสามารถประสานงานผ่านระบบเดียวและผู้จัดการสามารถรับข้อมูลที่สมบูรณ์จากแต่ละหน่วยงานตามเวลาจริง
4. การจัดการคำสั่งงานโดยอัตโนมัติ
โปรแกรมบัญชี ERP ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถสั่งงานได้โดยอัตโนมัติซึ่งรวมถึงวันที่และเวลาในการดำเนินการ, ชื่อลูกค้า, ใบสั่งขาย, สัญญาขาย, ปริมาณผลิตภัณฑ์, พนักงานที่รับผิดชอบและอื่น ๆ ใบสั่งงานแต่ละใบมีรหัสเส้นทางเพื่อให้ง่ายต่อการจัดการในการตรวจสอบเส้นทาง หัวหน้างานสามารถตรวจสอบแต่ละงานตามลำดับงานที่สร้างขึ้นและทำให้แน่ใจว่างานทั้งหมดทำงานอย่างถูกต้อง
5. ปรับปรุงซัพพลายเชนให้คล่องตัว & กระบวนการปฏิบัติตามคำสั่งซื้อ
ด้วยโปรแกรมบัญชี ERP ผู้ผลิตสามารถมั่นใจได้ว่ากระบวนการทั้งหมดทำงานได้อย่างราบรื่นและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันเวลา คุณสมบัติการจัดการซัพพลายเชนรวมถึงการประสานงาน, การควบคุมการจัดซื้อ, การจัดการสินค้าคงคลัง และการส่งมอบสินค้า ด้วยคุณสมบัตินี้ผู้ผลิตสามารถสร้างกลยุทธ์ด้านโลจิสติกส์ได้ดีขึ้นและจะช่วยพวกเขาอย่างมากในการลดต้นทุนการดำเนินงานและการบริหารจัดการ
6. ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง & ปรับปรุงการตัดสินใจ
โปรแกรมบัญชี ERP ช่วยให้ผู้ผลิตรับข้อมูลที่สมบูรณ์แบบในทุกด้านของการดำเนินธุรกิจ เช่นประสิทธิภาพการขายลูกค้ากำไรและขาดทุนหุ้นการเงินการเงินแรงงานและอื่น ๆ อีกมากมาย ข้อมูลทั้งหมดที่สร้างขึ้นนั้นมีประโยชน์อย่างแน่นอนสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการประมาณการที่แม่นยำและการคาดการณ์ที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นซึ่งจะช่วยให้ฝ่ายบริหารสามารถตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างชาญฉลาดและรวดเร็วขึ้น
ที่มา : Link
ระบบ Job Cost ในโปรแกรม ERP ที่ช่วยอุตสาหกรรมการผลิต SMEs ให้เติบโต
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต โดยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่าง โปรแกรมบัญชี กับ ระบบบริหารต้นทุนการผลิต (Job Cost) ที่ช่วยบริหารจัดการทรัพยากรการผลิต ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามและวิเคราะห์ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับโครงการต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ประกอบการ สามารถวางแผนการเงินและการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ อีกทั้งยังช่วยพัฒนาธรุกิจ SMEs ให้เติบโตก้าวไปสู่ความสำเร็จอีกด้วย
ระบบบริหารต้นทุนการผลิต (Job Cost) ช่วยควบคุมการทำงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น สามารถกำหนดสูตรการผลิตสินค้าเพื่อเพิ่มการควบคุมวัตถุดิบให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน สามารถประมาณการผลิตล่วงหน้าได้ก่อนที่จะมีการผลิตจริงเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ต้นทุนการผลิต การจัดสรรค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต เช่น วัตถุดิบ (DM) แรงงาน (DL) และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ (HO) สามารถตรวจสอบสินค้าที่ผลิตเสร็จ (QC) พิจารณาของดีหรือของเสีย สามารถปันส่วนโสหุ้ยการผลิตได้ในกรณีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ต้องการเพิ่มเป็นต้นทุนของสินค้า สิ่งที่สำคัญของการผลิตสินค้าคือการรับรู้ต้นทุนการผลิตที่ประมาณการไว้กับต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง โปรแกรมจะสรุปต้นทุนการผลิตที่เกิดขึ้นจริงจากการปิดใบสั่งผลิตเพื่อเปรียบเทียบกับยอดประมาณการผลิตที่ตั้งไว้ และนำมาพิจารณาเพื่อปรับวิธีการทำงานหรือขั้นตอนการผลิต สามารถลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้
คุณสมบัติหลักๆ ของระบบ Job Cost ในโปรแกรมบัญชี ERP
- สามารถทราบต้นทุนการผลิตได้ทันทีหลังจากปิดใบสั่งผลิต
- สามารถเปรียบเทียบต้นทุนมาตรฐานแต่ละสินค้า (F/G Standard Cost)
- สามารถวิเคราะห์ผลต่างราคาและปริมาณการใช้วัตถุดิบ
- สามารถวิเคราะห์ผลต่างค่าจ้างแรงงานและประสิทธิภาพการทำงาน
- สามารถวิเคราะห์ผลต่างค่าใช้จ่ายในการผลิต
- สามารถวิเคราะห์ปริมาณของเสียและของมีตำหนิ
- สามารถกำหนดสูตรการผลิต หรือประมาณการผลิต เพื่อใช้เป็นต้นทุนมาตรฐานในการผลิตแต่ละครั้ง
- สามารถกำหนดเส้นทางการผลิตได้หลายขั้น ตอนการผลิต (Sequence No) และกำหนดการทำงานในแต่ละขั้นตอน (Work Order) รวมถึงงาน (Process) ต่างๆ ของแต่ละขั้นตอน
- สามารถเก็บรายละเอียดของการทำงานของพนักงาน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ของแต่ละ Process
- สามารถกำหนดกำลังการผลิต ระยะเวลาการผลิต ในแต่ละขั้นตอนการผลิตในใบสั่งผลิต
- สามารถติดตามดูต้นทุนการผลิตโดยละเอียดได้ ระบบจะ update ต้นทุนการผลิตทำให้ทราบข้อมูล ต้นทุนที่ update ตลอดเวลา
- ใบสั่งผลิตสามารถเลื่อนกำหนดการผลิต เพื่อทำใบสั่งผลิตที่เร่งด่วนกว่าได้
- สามารถลบ แก้ไข เพิ่มเติม ในใบสั่งผลิตได้ถ้ายังไม่ทำการผลิต
- ใบสั่งผลิตแบ่งได้หลายสถานการณ์ผลิต เช่น WIP, Rework, Close, On Hold, Cancel
- ระบบมีการตรวจสอบ สินค้าคงคลังของวัตถุดิบตอนทำใบสั่งผลิตและมีการจองสินค้า โดยการเปิดใบขอซื้อให้อัตโนมัติ
- ระบบมีการทำใบขอเบิกอัตโนมัติจากการสั่งผลิตได้
- ระบบสามารถทำแผนการรับสินค้าผลิตเสร็จ ณ จุดสั่งผลิตได้
- การเบิกวัตถุดิบ โดยระบุงานที่ต้องรับเข้าไปทำเพื่อคิดต้นทุนเข้างานนั้นๆ ได้
- มีการส่งคืนวัตถุดิบจากการเบิกใช้
- มีการส่งสินค้าผลิตเสร็จแยกกันระหว่างของดี ของเสีย ของมีตำหนิเข้าในแต่ละคลัง
- มีการรับคืนสินค้าผลิตเสร็จ (Rework) เข้ามาผลิตใหม่
- มีการปันส่วนค่าใช้จ่ายเข้าแต่ละใบสั่งผลิต
- สามารถตรวจสอบสินค้า (QC) ก่อนการส่งสินค้าผลิตเสร็จ
- ปิดใบสั่งผลิตเพื่อต้องการทราบต้นทุนทั้งหมดของแต่ละใบสั่งผลิต
- ปิด Job เพื่อต้องการทราบต้นทุนของ Job ทั้งหมดที่มีการสั่งผลิตที่ทำการปิดใบสั่งผลิต
- สามารถดูปฏิทินใบสั่งผลิตที่ถึงกำหนดเสร็จเพื่อตรวจสอบการทำงาน
- สามารถดูปฏิทินสินค้าที่ทำการผลิตเพื่อตรวจสอบสินค้าผลิต