10 ขั้นตอนงานบัญชี เพื่อการปิดงบที่สมบูรณ์แบบ

10 ขั้นตอนงานบัญชี เพื่อการปิดงบที่สมบูรณ์แบบ



กระบวนการบัญชีหรือวงจรบัญชี คือขั้นตอนในการรวบรวม การประมวลผลและการสื่อสารข้อมูลทางการเงิน รวมไปถึงการบันทึก การจำแนก การสรุปและการตีความข้อมูลทางการเงิน

ข้อมูลทางการเงินจะถูกนำเสนอในรายงานที่เรียกว่างบการเงิน แต่ก่อนที่จะสามารถเตรียมได้ข้อมูลทางการเงินได้นั้น นักบัญชีจำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมต่างๆของธุรกิจ นำมาบันทึกและเรียบเรียงข้อมูลเพื่อที่จะนำเสนอในรายงานทางการเงิน

ทั้งนี้ทั้งนั้น วงจรบัญชีไม่ได้จบเพียงแค่การนำเสนองบการเงิน แต่ยังมีอีกหลายขั้นตอนที่ต้องทำเพื่อเตรียมตัวสำหรับรอบบัญชีถัดไป กระบวนการบัญชีหรือวงจรบัญชีนั้นจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ

1.การระบุและวิเคราะห์ธุรกรรมทางธุรกิจ

กระบวนการบัญชีเริ่มต้นด้วยการระบุและวิเคราะห์ธุรกรรมและเหตุการณ์ทางธุรกิจ ธุรกรรมและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นไม่ได้ถูกป้อนเข้าสู่ระบบบัญชี ในส่วนเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับองค์กรธุรกิจเท่านั้นที่จะถูกป้อนเข้าสู่ระบบไป ตัวอย่างเช่น สินเชื่อส่วนบุคคลที่ทำโดยเจ้าของ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจจะไม่ถูกนำมาบันทึก เฉพาะธุรกรรมที่เกี่ยวข้องจะถูกวิเคราะห์เพื่อดูบัญชีที่ได้รับผลกระทบและจำนวนเงินที่จะต้องบันทึก

ในขั้นตอนแรกนี้ รวมถึงการจัดเตรียมเอกสารทางธุรกิจหรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง เอกสารทางธุรกิจใช้สำหรับการบันทึกธุรกรรมต่างๆ

2.การบันทึกบัญชีในสมุดรายวัน

สมุดรายวันคือ การทำบัญชีในรูปแบบของการจดในกระดาษหรือลงบันทึกแบบออนไลน์  ถือเป็นการลงบันทึกทุกธุรกรรมลงในระบบ ซึ่งการทำธุรกรรมทางธุรกิจนั้นมักจะใช้วิธีบันทึกผ่านระบบบัญชีคู่ ซึ่งวิธีนี้จะบันทึกข้อมูลบัญชีที่รวบรวมมาข้อมูลอย่างน้อย 2 บัญชีขึ้นไป (เดบิต และเครดิต) ซึ่งการทำให้วิธีบันทึกเข้าใจได้ง่ายนั้น รูปแบบของบันทึกจะต้องระบุสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ได้แก่ ยอดการขาย ยอดการซื้อ ใบเสร็จจากการรับเงินสด และการจ่ายเงินสด ซึ่งกล่าวได้ว่าสมุดรายวันทั่วไปจะมีสิ่งพิเศษที่แตกต่างจากสมุดทั่วไป และนิยมใช้วิธีการบันทึกตามเหตุการณ์เรียงลำดับไล่มา ซึ่งสมุดรายวันนี้ถือเป็นสมุดข้อมูลต้นฉบับของธุรกรรมต่างๆ

3.การผ่านรายการไปยังบัญชีแยกประเภท

บัญชีแยกประเภท ถือเป็นสมุดบัญชีสรุปที่รวบรวมข้อมูลบัญชีต่าง ๆ และแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางบัญชีที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นผลลัพธ์จากธุรกรรมต่างๆ ที่ผ่านมา และแสดงให้เห็นถึงยอดคงเหลือที่มีอยู่ ซึ่งการผ่านรายการทั้งหมดไปยังบัญชีแยกประเภทนั้น เราจะสามารถคาดการณ์ได้ถึงยอดคงเหลือจากแต่ละบัญชีได้ อาทิ ยอดบันทึกบัญชีเดบิต และเครดิต จะถูกโอนถ่ายไปเป็นบัญชีเงินสดในบัญชีแยกประเภท ซึ่งจะทำให้เราสามารถคำนวณการเพิ่มขึ้นและลดลงของบัญชีเงินสด รวมถึงการสรุปยอดคงเหลือของบัญชีเงินสด

4.งบทดลองก่อนการปรับปรุง

งบทดลองจะมีขึ้นเพื่อทดสอบว่าข้อมูลการเดบิต เครดิตนั้นเท่ากันหรือไม่ ซึ่งยอดรวมของบัญชีทั้งหมดจะถูกแยกออกจากบัญชีแยกประเภท และถูกนำมารวมในรายงานสรุปฉบับเดียวกัน ซึ่งหลังจากนั้นคือ ยอดเดบิตทั้งหมด และยอดเครดิตทั้งหมดจะถูกสรุปยอดบัญชี ซึ่งจะสามารถนำมาเทียบและตรวจสอบได้ โดยยอดทั้งสองอันควรจะต้องเท่ากัน

ทั้งนี้ หากมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น สิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อมาคือการแก้ไขรายการ เพื่อระบุข้อผิดพลาดและแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของการทำงบทดลองนั้น ก็เพื่อที่จะหาผลลัพธ์รวมจากบัญชีต่าง ๆ และยังไม่สามารถนำมาเป็นข้อสรุปหรือลงในบันทึกได้ เพราะข้อผิดพลาดต่าง ๆ ก็อาจจะยังเกิดขึ้นได้แม้ว่าเดบิต และเครดิตจะเท่ากัน เช่น การลงบันทึกซ้ำ หรือการไม่ได้ลงบันทึกบัญชีไว้เลย

5.การปรับปรุงรายการทางบัญชี

การปรับปรุงรายการทางบัญชี ถือเป็นการเตรียมการเพื่อนำไปสู่การบันทึกบัญชีตามเกณฑ์คงค้าง โดยในท้ายสุดของการทำงานบัญชีนั้น เราอาจจะพบกรณีมีค่าใช้จ่ายปรากฏแต่ไม่ได้มีการลงบันทึกไว้ในสมุดบัญชี หรือกรณีมีรายได้เข้ามาแต่ไม่ได้ทำบันทึกไว้ ซึ่งการปรับปรุงรายการทางบัญชีจะเป็นการเพิ่มเติมยอดต่าง ๆ ในบัญชีให้เรียบร้อยก่อนที่จะสรุปงบทางการเงินสุดท้ายต่อไป โดยการปรับปรุงรายการทางบัญชีอาจจะพิจารณากรณีมีบัญชีคงค้างจากรายได้ค้างรับ ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย การจ่ายล่วงหน้า ค่าเสื่อมราคา และการตั้งสำรอง

6.งบทดลองหลังปรับปรุง

งบทดลองหลังการปรับปรุงอาจทำได้ภายหลังจากมีการปรับปรุงรายการต่าง ๆ และเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนสรุปงบทางการเงินสุดท้าย โดยงบทดลองหลังการปรับปรุงจะแสดงให้เห็นว่ายอดเดบิน ตรงกับยอดเครดิตหรือไม่ภายหลังการปรับปรุงงบ

7.งบการเงิน

เมื่อนักบัญชีอย่างเราได้ปรับข้อมูลและเปรียบเทียบข้อมูลต่าง ๆ อย่างครบถ้วนแล้ว ก็จะนำไปสู่การสรุปงบการเงิน ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของระบบการทำบัญชี โดยงบการเงินนั้นจะประกอบด้วย (1) งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ (2) งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ (3) งบแสดงฐานะทางการเงิน (4) งบกระแสเงินสด (5) หมายเหตุประกอบงบการเงิน

8.รายการปิดบัญชี

บัญชีกำไรขาดทุนหรือบัญชีชั่วคราว ยกตัวอย่างเช่น บัญชีรายได้นั้น จะมีการปิดบัญชีเพื่อนำไปสู่การทำบัญชีในรอบใหม่ โดยบัญชีกำไรขาดทุนมักจะรวมถึงรายได้ รายจ่าย

ทั้งนี้ การปิดบัญชีจะนำไปสู่การสรุปยอดรวม และการจัดทำบัญชีเงินทุนที่เหมาะสม โดยขอให้พิจารณาว่าการปิดงบบัญชีนั้นควรทำเฉพาะในบัญชีกำไรขาดทุนเท่านั้น ซึ่งบัญชีอื่น ๆ อาทิ บัญชีที่แท้จริง หรือบัญชีถาวร ซึ่งไม่ต้องมีการปิดงบบัญชี

9.การดำเนินการหลังปิดงบบัญชีทดลอง

ในวงจรของงานบัญชีนั้น สิ่งสุดท้ายที่จะต้องดำเนินการคือการเตรียมการสำหรับการปิดบัญชีทดลอง ซึ่งจะเป็นการเปรียบเทียบเดบิต และเครดิต  โดยบัญชีกำไรขาดทุนจะสามารถปิดงบได้โดยทันที ขณะที่การเตรียมปิดงบบัญชีทดลองจะเกี่ยวข้องกับบัญชีจริงเท่านั้น

10.การกลับรายการทางบัญชี (ทางเลือกสำหรับการทำบัญชีใหม่)

การกลับรายการทางบัญชีเป็นทางเลือกอีกแบบหนึ่ง โดยเป็นวิธีการเตรียมการสำหรับในช่วงเริ่มต้นของรอบบัญชีใหม่ เพื่อให้การบันทึกบัญชีเป็นไปด้วยความราบรื่นและแม่นยำ โดยวิธีดังกล่าวจะเกี่ยวเนื่องกับรายได้การค้างรับ ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย รายได้รับล่วงหน้า และค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้า ซึ่งวิธีการบันทึกจะกลับกันทั้งหมดจากที่เคยบันทึกไว้ตอนสิ้นงวดที่แล้ว

 

ทั้งนี้เอง จากวิธีทั้ง 10 ข้อนี้ก็จะสามารถทำให้เห็นได้ถึงวงจรของการทำบัญชี และเป็นภาพรวมที่เกิดขึ้นได้เสมอกับนักบัญชีทุกคน


สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิก!!

 722
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

Landed Cost คือ ต้นทุนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าจนถึงจุดหมายปลายทาง (เช่น คลังสินค้าของบริษัท) ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากราคาสินค้าเอง ทำให้สามารถคำนวณราคาที่แท้จริงของสินค้าเมื่อถึงมือผู้ซื้อหรือผู้นำเข้าได้อย่างถูกต้อง
สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แน่นอนว่ามักจะมีปัญหาทางการเงินเข้ามาให้เจ้าของธุรกิจต้องคอยรับมืออยู่ตลอดเวลา และแม้จะระมัดระวังเป็นอย่างดีด้วยความเป็นมือใหม่ก็อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าความผิดพลาดด้านการเงิน คือ หนทางแห่งความลำบากในการทำธุรกิจ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินในการทำธุรกิจ ลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้ดูเพื่อหาหนทางให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไป โดยข้อผิดพลาดที่ผู้ประกอบการมักพบกันก็คือ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ที่ทำให้กิจการจำเป็นและจำใจต้อง เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ใหม่ เรื่องที่สำคัญคือ
โปรแกรม ERP เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรที่เชื่อมต่อและรวมรวมข้อมูลทั้งหมดขององค์กรในระบบเดียวกัน โดยรวมถึงเรื่องบัญชีทางการเงินด้วย โดยโปรแกรม ERP จะช่วยให้ฝ่ายบัญชีสามารถดำเนินการตรวจสอบรายการเงินสด รายการเจ้าหนี้ รายการลูกหนี้ รายการค่าใช้จ่าย และรายการบัญชีอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
โปรแกรมบัญชี เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะงานบัญชีคือส่วนหนึ่งของธุรกิจ ที่ทำให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารเห็นภาพรวมขององค์กรอย่างชัดเจน การมีโปรแกรมบัญชีเข้ามาช่วยงานบัญชีทำให้องค์กรมีความราบรื่น ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรด้วย นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน
"ยื่นภาษี 2566" การจ่ายภาษีเป็นหนึ่งในหน้าที่ของประชาชนพลเมืองไทย คนไทยทุกคนที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่น "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" นี่ก็ผ่านมาถึงกลางปีแล้ว เพราะฉะนั้น ควรวางแผน ลดหย่อนภาษี ไว้แต่เนิ่น ๆ และหากใครกำลังสงสัยว่าสิทธิ "ลดหย่อนภาษี 2565" มีอะไรบ้าง ทีนี่มีคำตอบค่ะ
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์