ปิดงบรายเดือน จำเป็นต้องทำหรือไม่??

ปิดงบรายเดือน จำเป็นต้องทำหรือไม่??


การปิดงบการเงิน ถือว่าเป็นหน้าที่ของบริษัทนิติบุคคลทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ที่ต้องจัดทำ พร้อมส่งข้อมูลให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการปิดงบการเงินหลักๆ ประกอบด้วย 1) ปิดงบรายปี 2) 
ปิดงบรายเดือน 3) ปิดงบรายไตรมาส (สำหรับกิจการที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์)

แต่กิจการส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการปิดงบรายปี โดยหารู้ไม่ว่าการ ปิดงบรายเดือน นั้นสำคัญไม่แพ้กัน เพราะปกตินักบัญชีจะต้องบันทึกข้อมูลบัญชีภาษีต่างๆ เป็นรายเดือนอยู่แล้ว ซึ่งแยกรายละเอียดรายรับ-รายจ่ายออกจากกันอย่างชัดเจน และจัดเก็บเอกสารการจัดซื้อ ใบเสร็จ บิลต่างๆ แยกไว้เป็นหมวดหมู่ให้เรียบร้อย ก็จะช่วยให้นักบัญชีปิดงบรายปีสะดวกและง่ายขึ้น รวมถึงกิจการยังใช้ประโยชน์จากการปิดงบรายเดือนได้อีกด้วย

     

ความแตกต่างระหว่าง “ปิดงบรายเดือน & ปิดงบรายปี”

การปิดงบการเงิน คือการปิดรายการต่างๆ ที่มีการบันทึกบัญชีไปแล้วตามงวดระยะเวลาที่ต้องการดำเนินการจัดทำโดยนักบัญชีตำแหน่งสมุห์บัญชี ผู้จัดการแผนกบัญชี ผู้ทำบัญชีที่เป็นพนักงานของกิจการ หรือส่วนใหญ่ก็จ้างสำนักงานบัญชีปิดงบการเงินให้

โดยมีทั้งปิดงบรายเดือนและปิดงบรายปี ซึ่งมีความแตกต่างกันดังนี้

– ปิดงบการเงินรายปี ปิดงบรายปี หรือปิดบัญชีรายปี จะต้องปิดงบการเงินตามที่กฎหมายกำหนดคือปีละ 1 ครั้ง โดยใช้ข้อมูลจากการจัดทำบัญชีแสดงรายรับ-รายจ่ายของกิจการตลอดทั้งปี และดำเนินการโดยนักบัญชีตำแหน่งสมุห์บัญชี ผู้จัดการแผนกบัญชี ผู้ทำบัญชี เป็นพนักงานประจำของบริษัท

แต่ถ้าเป็นบริษัทเปิดใหม่ บริษัทขนาดเล็ก หรือยังไม่มีเงินทุนมากพอในการจ้างพนักงานบัญชี ก็นิยมจ้างสำนักงานบัญชีในการปิดงบการเงิน รวมถึงบริการด้านทำบัญชีและภาษีอื่นๆ ด้วยในคราวเดียวกัน

– ปิดงบการเงินรายเดือน ปิดงบรายเดือน หรือปิดบัญชีรายเดือน คือการปิดงบการเงินรายเดือนทุกเดือน เช่น งบกำไรขาดทุน งบดุล งบกระแสเงินสด งบทดลอง โดยสรุปรายละเอียดของบัญชีทั้งหมด 5 บัญชี ประกอบด้วย

1.สินทรัพย์
2.หนี้สิน
3.ส่วนของเจ้าของ (ทุน)
4.รายได้
5.ค่าใช้จ่าย  

โดยการบันทึกบัญชีในสมุดรายวัน สมุดเงินสด สมุดซื้อสินค้า สมุดขายสินค้ารายการภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย สมุดรายได้ค่าบริการ สมุดรายได้ขายสินค้า ค่าใช้จ่ายประจำเดือน ค่าใช้จ่ายอื่น และค่าธรรมเนียมต่างๆ โดยผ่านรายการไปยังบัญชีแยกประเภทเพื่อจัดทำงบทดลอง เมื่อครบ 3 เดือน จะแสดงตัวเลขเป็นรายไตรมาส หรือราย 6 เดือน

ทั้งนี้ การปิดงบรายเดือน ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ถูกต้องสมบูรณ์เท่ากับปิดงบการเงินรายปี แต่การปิดงบรายเดือนนี้ จะทำให้ทราบผลประกอบการภายในเดือนนั้นๆ ซึ่งมีประโยชน์กับผู้บริหารในการใช้เป็นข้อมูลเพื่อตัดสินใจในอนาคตได้ อีกทั้งการปิดงบรายเดือนยังทำให้ผู้บริหารทราบผลประกอบการที่จะนำไปใช้ในการวางแผนทางการตลาด และวางแผนภาษีได้อย่างแม่นยำมากขึ้นอีกด้วย   

 

ปิดงบรายเดือน ต้องทำอะไรบ้าง

ตามหลักการปิดงบรายเดือน สิ่งที่เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะต้องจัดทำและนำส่งรายเดือนให้กับกรมสรรพากรนั้น จะครอบคลุมงานต่างๆ ดังนี้   

1.หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่มที่รับจากคู่ค้าต่างประเทศของแต่ละเดือน ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป (กรณียื่นออนไลน์สามารถต่อเวลาไปได้อีก 7 วัน)

– ภ.ง.ด.1 แบบแสดงรายการภาษีหัก ณ ที่จ่าย จากเงินเดือน
– ภ.ง.ด.3 แบบแสดงรายการภาษีหัก ณ ที่จ่าย กรณีผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นบุคคลธรรมดา
– ภ.ง.ด.53 แบบแสดงรายการภาษีหัก ณ ที่จ่าย กรณีผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นนิติบุคคล
– ภ.ง.ด.54 และ ภ.พ.36 แบบแสดงรายการการหักภาษี ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่มเกี่ยวกับการทำธุรกรรมกับต่างประเทศ (ถ้ามี)

2.แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) และนำส่งสรรพากรภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

3.กรอกแบบแสดงรายการประกันสังคมและนำส่งประกันสังคมภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป

 

กระบวนการปิดงบรายเดือน

การปิดงบการเงิน หรือการปิดบัญชี จะทำการบันทึกในสมุดรายวันทั่วไป แล้วผ่านไปยังบัญชีแยกประเภท ที่จะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงบัญชีที่เกิดขึ้น ว่ามีการทำธุรกรรมอะไรบ้างในระยะเวลาที่ผ่านมา มียอดเหลือเท่าไรบ้าง ทั้งบัญชีเดบิตและเครดิต เพื่อจัดทำงบทดลองต่อไป

ทั้งนี้ การจัดทำงบทดลองก่อนปรับปรุง เป็นการทดสอบความเท่ากันของข้อมูลเดบิตและเครดิตทั้งสองฝั่ง ว่าเท่ากันหรือไม่ เนื่องจากเวลารวมยอดบัญชีทั้งหมดจะถูกออกจากบัญชีแยกประเภทแล้วค่อยถูกนำมารวมในรายงานสรุปฉบับเดียว เพื่อให้แก้ไขได้ง่ายหากมีข้อผิดพลาด

และหลังจากทำการปรับปรุงข้อมูลและเปรียบเทียบข้อมูลต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายของระบบบัญชีคือการทำงบการเงิน แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการปิดบัญชี ซึ่งเป็นการทำบัญชีกำไรขาดทุนหรือบัญชีชั่วคราว เพื่อนำไปสู่การทำบัญชีในรอบใหม่และการสรุปยอดรวม โดยต้องพิจารณาว่าจะปิดบัญชีเฉพาะกำไรขาดทุนหรือว่าบัญชีอื่นด้วย

 

ประโยชน์ของการปิดงบรายเดือน

การปิดงบรายเดือน มีประโยชน์ต่อกิจการหลายด้านด้วยกัน ดังนี้

1.ใช้ข้อมูลการปิดงบรายเดือน มารวมกันและคำนวณว่ากิจการมีผลกำไรหรือขาดทุนในเดือนนี้เป็นอย่างไร เพื่อใช้ในการช่วยตัดสินใจการดำเนินการในอนาคตได้    

2.ทำให้ทราบข้อมูลบัญชีหลายๆ ด้านในภายกิจการ เพื่อใช้ในการวางแผนในอนาคตได้ เช่น

– สินทรัพย์ของกิจการมีเพียงพอกับการใช้งานในกิจการหรือไม่
– กิจการมีสภาพคล่องทางการเงินมากน้อยเพียงใด
– ข้อมูลเกี่ยวกับรายได้และค่าใช้จ่ายของกิจการ
– งบกำไรขาดทุนประจำเดือน ทำให้ทราบผลประกอบการภายในเดือนนั้นๆ

3.ช่วยให้ข้อมูลรายเดือนมีความถูกต้อง ครบถ้วน และง่ายต่อการปิดงบรายปี

ท้ายที่สุดแล้วบริษัทนิติบุคคลจำเป็นต้องปิดงบรายเดือนให้ครบทุกเดือน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นเครื่องช่วยในการตัดสินใจวางแผนการดำเนินงานของกิจการ ตลอดจนทำให้ปิดงบรายปีได้ง่ายและแม่นยำยิ่งขึ้น 


แอพพลิเคชั่นสำหรับรายงานภาษี

แอพพลิเคชั่นสำหรับเรายงานภาษี

รายงานภาษีซื้อ

เรียกดูรายงานภาษีซื้อของกิจการ และเป็นเอกสารประกอบการจัดทำภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ให้แก่กรมสรรพากร
ดูเพิ่มเติม

รายงานภาษีขาย

รายงานภาษีขาย

เรียกดูรายงานภาษีขายของและเป็นเอกสารประกอบ การจัดทำภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) แก่กรมสรรพากร
ดูเพิ่มเติม

Reprocess Vat

Reprocess Vat

ตรวจสอบการ Post รายการของภาษีซื้อ และภาษีขาย ว่ามีการ Post ถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่
ดูเพิ่มเติม

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

เป็นการพิมพ์รายงานภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ของกิจการ ซึ่งสามารถพิมพ์ได้ทั้งใบแนบ และใบปะหน้าเพื่อนำส่งแก่กรมสรรพากรต่อไป
ดูเพิ่มเติม

ภาษีเงินได้ถูกหัก ณ ที่จ่าย

ภาษีเงินได้ถูกหัก ณ ที่จ่าย

เป็นการพิมพ์รายงานภาษีเงินได้ถูกหัก ณ ที่จ่าย ของกิจการ เพื่อใช้ในการตรวจสอบข้อมูลภาษีเงินได้ถูกหัก ณ ที่จ่ายของกิจการ
ดูเพิ่มเติม

บัญชีพิเศษภาษี หัก ณ ที่จ่าย

บัญชีพิเศษภาษี หัก ณ ที่จ่าย

รายงานที่แสดงบัญชีพิเศษภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ของกิจการ เพื่อใช้ในการตรวจสอบข้อมูล การหัก ณ ที่จ่ายของกิจการ ว่ามีการหักของบุคคลธรรมดา และนิติบุคคลอะไรบ้าง
ดูเพิ่มเติม

หนังสือรับรองการ หัก ณ ที่จ่าย

หนังสือรับรองการ หัก ณ ที่จ่าย

เป็นการพิมพ์หนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่าย ของกิจการ กรณีที่มีการหัก ณ ที่จ่ายจากนิติบุคคลหรือบุคคลธรรมดา
ดูเพิ่มเติม

Export Tax

Export Tax

การโอนข้อมูลเกี่ยวกับภาษี และภ.ง.ด. ต่าง ๆ ที่อยู่ในโปรแกรม ไปเก็บไว้ที่ File ที่ผู้ใช้ต้องการ
ดูเพิ่มเติม









ขอบคุณที่มา : https://inflowaccount.co.th
 2211
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

Landed Cost คือ ต้นทุนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าจนถึงจุดหมายปลายทาง (เช่น คลังสินค้าของบริษัท) ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากราคาสินค้าเอง ทำให้สามารถคำนวณราคาที่แท้จริงของสินค้าเมื่อถึงมือผู้ซื้อหรือผู้นำเข้าได้อย่างถูกต้อง
สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แน่นอนว่ามักจะมีปัญหาทางการเงินเข้ามาให้เจ้าของธุรกิจต้องคอยรับมืออยู่ตลอดเวลา และแม้จะระมัดระวังเป็นอย่างดีด้วยความเป็นมือใหม่ก็อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าความผิดพลาดด้านการเงิน คือ หนทางแห่งความลำบากในการทำธุรกิจ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินในการทำธุรกิจ ลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้ดูเพื่อหาหนทางให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไป โดยข้อผิดพลาดที่ผู้ประกอบการมักพบกันก็คือ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ที่ทำให้กิจการจำเป็นและจำใจต้อง เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ใหม่ เรื่องที่สำคัญคือ
โปรแกรม ERP เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรที่เชื่อมต่อและรวมรวมข้อมูลทั้งหมดขององค์กรในระบบเดียวกัน โดยรวมถึงเรื่องบัญชีทางการเงินด้วย โดยโปรแกรม ERP จะช่วยให้ฝ่ายบัญชีสามารถดำเนินการตรวจสอบรายการเงินสด รายการเจ้าหนี้ รายการลูกหนี้ รายการค่าใช้จ่าย และรายการบัญชีอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
โปรแกรมบัญชี เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะงานบัญชีคือส่วนหนึ่งของธุรกิจ ที่ทำให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารเห็นภาพรวมขององค์กรอย่างชัดเจน การมีโปรแกรมบัญชีเข้ามาช่วยงานบัญชีทำให้องค์กรมีความราบรื่น ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรด้วย นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน
"ยื่นภาษี 2566" การจ่ายภาษีเป็นหนึ่งในหน้าที่ของประชาชนพลเมืองไทย คนไทยทุกคนที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่น "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" นี่ก็ผ่านมาถึงกลางปีแล้ว เพราะฉะนั้น ควรวางแผน ลดหย่อนภาษี ไว้แต่เนิ่น ๆ และหากใครกำลังสงสัยว่าสิทธิ "ลดหย่อนภาษี 2565" มีอะไรบ้าง ทีนี่มีคำตอบค่ะ
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์