• หน้าแรก

  • Accounting Articles

  • ใบกำกับภาษีซื้อต่างที่อยู่กัน ใช้ได้ (ถูกที่) ไม่ถูกประเมิน

ใบกำกับภาษีซื้อต่างที่อยู่กัน ใช้ได้ (ถูกที่) ไม่ถูกประเมิน

  • หน้าแรก

  • Accounting Articles

  • ใบกำกับภาษีซื้อต่างที่อยู่กัน ใช้ได้ (ถูกที่) ไม่ถูกประเมิน

ใบกำกับภาษีซื้อต่างที่อยู่กัน ใช้ได้ (ถูกที่) ไม่ถูกประเมิน



ประกอบการจดทะเบียนไปเช่าที่ดินแล้วนำที่ดินแปลงนั้นให้ลูกค้าเช่าต่อ แต่ได้ไปทำเรื่องขอน้ำประปาและไฟฟ้าเพื่อขายต่อให้กับลูกค้า เมื่อการประปาและการไฟฟ้าออกใบกำกับภาษีระบุชื่อผู้ประกอบการเจ้าของที่ดิน  แต่ที่อยู่นั้นระบุตามสถานที่ที่ติดตั้งมิเตอร์น้ำประปาและมิเตอร์ไฟฟ้า ผู้ประกอบการจะนำใบกำกับภาษีซื้อค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้ามาใช้อย่างไรจึงจะไม่ถูกประเมินภาษีในภายหลัง

          1. สถานที่ที่ผู้ประกอบการจดทะเบียนไปเช่าจะต้องเป็นสถานประกอบการ (สาขา)ที่จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ให้ดูมาตรา 77/1(20) แห่งประมวลรัษฎากร ที่ได้ให้ความหมายของคำว่า สถานประกอบการ” หมายถึง สถานที่ซึ่งใช้ประกอบกิจการเป็นประจำ  สถานที่เก็บสินค้าเป็นประจำ สถานที่ผลิตสินค้าเป็นประจำ  ถ้าหากเป็นสถานประกอบการแล้ว จะต้องยื่นแบบ ภ.พ.09  ขอเปิดสถานประกอบการเพิ่มเติมเป็นเวลา 15 วันก่อนเปิด ตามมาตรา 85 แห่งประมวลรัษฎากร แต่ถ้าไม่ใช่สถานประกอบการ ก็ไม่ต้องแจ้ง

          ผลของการเป็นสถานประกอบการก็คือ ผู้ประกอบการฯ จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม(ภ.พ.30) ของสถานประกอบการนั้นเป็นรายเดือนภาษีตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร ต้องจัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย รายงานสินค้าและวัตถุดิบ เป็นรายสถานประกอบการตามมาตรา 87 แห่งประมวลรัษฎากร ต้องออกใบกำกับภาษีขายระบุที่อยู่ของสถานประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการ และต้องนำภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีซื้อที่ระบุที่อยู่ของสถานประกอบการนั้น ไปคำนวณหักออกจากภาษีขายของสถานประกอบการนั้น จะนำไปใช้ที่อื่นไม่ได้ แต่ถ้าไม่เป็นสถานประกอบการ ก็ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการยื่นแบบ ภ.พ.30  การจัดทำรายงานภาษี ส่วนภาษีซื้อที่ระบุที่อยู่ของสถานที่ซึ่งไม่ใช่สถานประกอบการ ก็ให้นำไปรวมคำนวณภาษีกับสำนักงานใหญ่ได้

          ถ้าอย่างนั้นสถานที่เช่าดังกล่าวถือเป็นสถานประกอบการหรือไม่? ถ้าสถานที่นั้นมีการประกอบกิจการขายน้ำประปา ไฟฟ้า โดยมีผู้ติดต่อทำการขายน้ำประปาและไฟฟ้า ก็ต้องไปจดเพิ่มสถานประกอบการ แต่ถ้าการขายน้ำขายไฟฟ้าเกิดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ โดยสถานที่เช่าไม่มีผู้ดำเนินงานของผู้ประกอบการเลย กรณีนี้ย่อมไม่ใช่สถานประกอบการ เมื่อไม่ใช่สถานประกอบการ ภาษีซื้อค่าน้ำประปา ไฟฟ้า ก็ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มของสำนักงานใหญ่ แม้ที่อยู่ตามใบกำกับภาษีจะไม่ใช่ที่อยู่ของสำนักงานใหญ่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวกรมสรรพากรก็มีแนวทางปฏิบัติไว้ตามข้อ 15 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.86/2542ฯ ลงวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 ดังนี้

  ตัวอย่าง

 (1) บริษัท ก.จำกัด มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เขตพญาไท ประกอบกิจการให้เช่าอาคารสำนักงานซึ่งตั้งอยู่เขตบางพลัด บริษัทฯ ไม่ได้ใช้พื้นที่ของอาคารที่ให้เช่าเป็นสถานประกอบการ แต่บริษัทฯ ให้บริการสาธารณูปโภคแก่ผู้เช่า บริษัทฯ ขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์ ณ อาคารที่ให้เช่า รัฐวิสาหกิจที่ให้บริการสาธารณูปโภค จัดทำใบกำกับภาษีในนามของบริษัทฯ แต่ระบุที่อยู่ตามอาคารที่ให้เช่า บริษัทฯ มีสิทธินำใบกำกับภาษีไปถือเป็นภาษีซื้อของสำนักงานใหญ่ได้  บริษัทฯ เรียกเก็บค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้เช่า บริษัทฯ ต้องจัดทำใบกำกับภาษีโดยระบุที่อยู่ของสถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่

 (2) บริษัท ข.จำกัด ประกอบกิจการผลิตปลากระป๋อง มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เขตบางซื่อ มีสำนักงานอีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง บริษัทฯ ก่อสร้างโรงงานที่จังหวัดระยอง โดยมอบหมายให้สำนักงานที่จังหวัดระยองดำเนินงานด้านการก่อสร้างและจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการก่อสร้าง  บริษัทฯ ขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ณ สถานที่ก่อสร้าง  รัฐวิสาหกิจที่ให้บริการสาธารณูปโภคจัดทำใบกำกับภาษีในนามของบริษัทฯ แต่ระบุที่อยู่ ณ สถานที่ก่อสร้าง บริษัทฯ มีสิทธินำใบกำกับภาษีไปถือเป็นภาษีซื้อของสำนักงานที่จังหวัดระยองได้

         2.ภาษีซื้อของสถานประกอบการใด ก็ต้องนำไปถือเป็นภาษีซื้อของสถานประกอบการนั้น หลักในข้อนี้ใช้สำหรับกรณีมีสถานประกอบการหลายแห่ง ต้องนำภาษีซื้อไปใช้ให้ถูกที่ถูกทาง โดยให้ดูที่อยู่ของผู้ซื้อสินค้าหรือบริการตามที่ปรากฏในใบกำกับภาษีซื้อว่าเป็นของสถานประกอบการใด ก็ให้สถานประกอบการนั้นนำไปใช้ ถ้าใช้ผิดที่จะมีผลทำให้สถานประกอบการหนึ่งยื่นภาษีซื้อไว้ขาดไป อีกสถานประกอบการหนึ่งก็ยื่นภาษีซื้อไว้เกินไป ทำให้มีภาระในการขอคืนแห่งหนึ่ง และจะถูกประเมินภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มในอีกแห่งหนึ่ง สร้างภาระทั้ง 2 ด้าน โดยไม่ใช่เหตุ

        จากที่กล่าวมาคงพอจะวิเคราะห์ได้ว่าทำอย่างไรจึงจะใช้ใบกำกับภาษีซื้อให้ถูกที่ถูกทาง แต่ก็ต้องระวังภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากรด้วย เพราะไม่ว่าจะนำไปใช้ให้ถูกที่อย่างไรก็มีความผิดทั้งสิ้น

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิก!!

ที่มา : www.pattanakit.net

 1119
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

Landed Cost คือ ต้นทุนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าจนถึงจุดหมายปลายทาง (เช่น คลังสินค้าของบริษัท) ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากราคาสินค้าเอง ทำให้สามารถคำนวณราคาที่แท้จริงของสินค้าเมื่อถึงมือผู้ซื้อหรือผู้นำเข้าได้อย่างถูกต้อง
สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แน่นอนว่ามักจะมีปัญหาทางการเงินเข้ามาให้เจ้าของธุรกิจต้องคอยรับมืออยู่ตลอดเวลา และแม้จะระมัดระวังเป็นอย่างดีด้วยความเป็นมือใหม่ก็อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าความผิดพลาดด้านการเงิน คือ หนทางแห่งความลำบากในการทำธุรกิจ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินในการทำธุรกิจ ลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้ดูเพื่อหาหนทางให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไป โดยข้อผิดพลาดที่ผู้ประกอบการมักพบกันก็คือ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ที่ทำให้กิจการจำเป็นและจำใจต้อง เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ใหม่ เรื่องที่สำคัญคือ
โปรแกรม ERP เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรที่เชื่อมต่อและรวมรวมข้อมูลทั้งหมดขององค์กรในระบบเดียวกัน โดยรวมถึงเรื่องบัญชีทางการเงินด้วย โดยโปรแกรม ERP จะช่วยให้ฝ่ายบัญชีสามารถดำเนินการตรวจสอบรายการเงินสด รายการเจ้าหนี้ รายการลูกหนี้ รายการค่าใช้จ่าย และรายการบัญชีอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
โปรแกรมบัญชี เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะงานบัญชีคือส่วนหนึ่งของธุรกิจ ที่ทำให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารเห็นภาพรวมขององค์กรอย่างชัดเจน การมีโปรแกรมบัญชีเข้ามาช่วยงานบัญชีทำให้องค์กรมีความราบรื่น ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรด้วย นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน
"ยื่นภาษี 2566" การจ่ายภาษีเป็นหนึ่งในหน้าที่ของประชาชนพลเมืองไทย คนไทยทุกคนที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่น "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" นี่ก็ผ่านมาถึงกลางปีแล้ว เพราะฉะนั้น ควรวางแผน ลดหย่อนภาษี ไว้แต่เนิ่น ๆ และหากใครกำลังสงสัยว่าสิทธิ "ลดหย่อนภาษี 2565" มีอะไรบ้าง ทีนี่มีคำตอบค่ะ
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์