ประกอบการจดทะเบียนไปเช่าที่ดินแล้วนำที่ดินแปลงนั้นให้ลูกค้าเช่าต่อ แต่ได้ไปทำเรื่องขอน้ำประปาและไฟฟ้าเพื่อขายต่อให้กับลูกค้า เมื่อการประปาและการไฟฟ้าออกใบกำกับภาษีระบุชื่อผู้ประกอบการเจ้าของที่ดิน แต่ที่อยู่นั้นระบุตามสถานที่ที่ติดตั้งมิเตอร์น้ำประปาและมิเตอร์ไฟฟ้า ผู้ประกอบการจะนำใบกำกับภาษีซื้อค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้ามาใช้อย่างไรจึงจะไม่ถูกประเมินภาษีในภายหลัง
ผลของการเป็นสถานประกอบการก็คือ ผู้ประกอบการฯ จะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม(ภ.พ.30) ของสถานประกอบการนั้นเป็นรายเดือนภาษีตามมาตรา 83 แห่งประมวลรัษฎากร ต้องจัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย รายงานสินค้าและวัตถุดิบ เป็นรายสถานประกอบการตามมาตรา 87 แห่งประมวลรัษฎากร ต้องออกใบกำกับภาษีขายระบุที่อยู่ของสถานประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการ และต้องนำภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีซื้อที่ระบุที่อยู่ของสถานประกอบการนั้น ไปคำนวณหักออกจากภาษีขายของสถานประกอบการนั้น จะนำไปใช้ที่อื่นไม่ได้ แต่ถ้าไม่เป็นสถานประกอบการ ก็ไม่มีหน้าที่เกี่ยวกับการยื่นแบบ ภ.พ.30 การจัดทำรายงานภาษี ส่วนภาษีซื้อที่ระบุที่อยู่ของสถานที่ซึ่งไม่ใช่สถานประกอบการ ก็ให้นำไปรวมคำนวณภาษีกับสำนักงานใหญ่ได้
ถ้าอย่างนั้นสถานที่เช่าดังกล่าวถือเป็นสถานประกอบการหรือไม่? ถ้าสถานที่นั้นมีการประกอบกิจการขายน้ำประปา ไฟฟ้า โดยมีผู้ติดต่อทำการขายน้ำประปาและไฟฟ้า ก็ต้องไปจดเพิ่มสถานประกอบการ แต่ถ้าการขายน้ำขายไฟฟ้าเกิดขึ้นที่สำนักงานใหญ่ โดยสถานที่เช่าไม่มีผู้ดำเนินงานของผู้ประกอบการเลย กรณีนี้ย่อมไม่ใช่สถานประกอบการ เมื่อไม่ใช่สถานประกอบการ ภาษีซื้อค่าน้ำประปา ไฟฟ้า ก็ต้องนำไปรวมคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มของสำนักงานใหญ่ แม้ที่อยู่ตามใบกำกับภาษีจะไม่ใช่ที่อยู่ของสำนักงานใหญ่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวกรมสรรพากรก็มีแนวทางปฏิบัติไว้ตามข้อ 15 ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ป.86/2542ฯ ลงวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 ดังนี้
ตัวอย่าง
(1) บริษัท ก.จำกัด มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เขตพญาไท ประกอบกิจการให้เช่าอาคารสำนักงานซึ่งตั้งอยู่เขตบางพลัด บริษัทฯ ไม่ได้ใช้พื้นที่ของอาคารที่ให้เช่าเป็นสถานประกอบการ แต่บริษัทฯ ให้บริการสาธารณูปโภคแก่ผู้เช่า บริษัทฯ ขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์ ณ อาคารที่ให้เช่า รัฐวิสาหกิจที่ให้บริการสาธารณูปโภค จัดทำใบกำกับภาษีในนามของบริษัทฯ แต่ระบุที่อยู่ตามอาคารที่ให้เช่า บริษัทฯ มีสิทธินำใบกำกับภาษีไปถือเป็นภาษีซื้อของสำนักงานใหญ่ได้ บริษัทฯ เรียกเก็บค่าบริการและภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้เช่า บริษัทฯ ต้องจัดทำใบกำกับภาษีโดยระบุที่อยู่ของสถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่
(2) บริษัท ข.จำกัด ประกอบกิจการผลิตปลากระป๋อง มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เขตบางซื่อ มีสำนักงานอีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง บริษัทฯ ก่อสร้างโรงงานที่จังหวัดระยอง โดยมอบหมายให้สำนักงานที่จังหวัดระยองดำเนินงานด้านการก่อสร้างและจ่ายค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการก่อสร้าง บริษัทฯ ขอติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ณ สถานที่ก่อสร้าง รัฐวิสาหกิจที่ให้บริการสาธารณูปโภคจัดทำใบกำกับภาษีในนามของบริษัทฯ แต่ระบุที่อยู่ ณ สถานที่ก่อสร้าง บริษัทฯ มีสิทธินำใบกำกับภาษีไปถือเป็นภาษีซื้อของสำนักงานที่จังหวัดระยองได้
2.ภาษีซื้อของสถานประกอบการใด ก็ต้องนำไปถือเป็นภาษีซื้อของสถานประกอบการนั้น หลักในข้อนี้ใช้สำหรับกรณีมีสถานประกอบการหลายแห่ง ต้องนำภาษีซื้อไปใช้ให้ถูกที่ถูกทาง โดยให้ดูที่อยู่ของผู้ซื้อสินค้าหรือบริการตามที่ปรากฏในใบกำกับภาษีซื้อว่าเป็นของสถานประกอบการใด ก็ให้สถานประกอบการนั้นนำไปใช้ ถ้าใช้ผิดที่จะมีผลทำให้สถานประกอบการหนึ่งยื่นภาษีซื้อไว้ขาดไป อีกสถานประกอบการหนึ่งก็ยื่นภาษีซื้อไว้เกินไป ทำให้มีภาระในการขอคืนแห่งหนึ่ง และจะถูกประเมินภาษี เบี้ยปรับ และเงินเพิ่มในอีกแห่งหนึ่ง สร้างภาระทั้ง 2 ด้าน โดยไม่ใช่เหตุ
จากที่กล่าวมาคงพอจะวิเคราะห์ได้ว่าทำอย่างไรจึงจะใช้ใบกำกับภาษีซื้อให้ถูกที่ถูกทาง แต่ก็ต้องระวังภาษีซื้อต้องห้ามตามมาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากรด้วย เพราะไม่ว่าจะนำไปใช้ให้ถูกที่อย่างไรก็มีความผิดทั้งสิ้น
ที่มา : www.pattanakit.net