5 วิธี ประหยัดภาษีอย่างไร ให้ถูกกฎหมาย

5 วิธี ประหยัดภาษีอย่างไร ให้ถูกกฎหมาย

ในการจัดทำภาษีหลายกิจการมักคิดค้นวิธีการต่างๆ ในการลดค่าใช้จ่ายในการเสียภาษีไม่ว่าจะเป็นการหาคนมารับค่าใช้จ่าย เอารายจ่ายของตัวเองมาเป็นรายจ่ายของบริษัท หรือเลยไปกันจนถึงกระทั่งซื้อใบกำกับภาษีปลอม มาเพื่อลดภาษีมูลค่าเพิ่มหรือใช้ในการขอคืนภาษี ซึ่งแน่นอนว่าวิธีการเหล่านี้เป็นวิธีที่ผิดกฎหมาย และยังเพิ่มความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดปัญหาในอนาคตได้อีกด้วย มารู้จักกับ 5 วิธี ประหยัดภาษีอย่างถูกกฎหมาย

1. วางแผนโครงสร้างทางการเงินภายในกิจการ

ในการเริ่มต้นทำธุรกิจมีหลายสิ่งที่ทุกคนต้องทำการวางแผนก่อนลงมือทำ ไม่เว้นแม้แต่การวางแผนโครงสร้างทางการเงินภายในกิจการ โดยโครงสร้างที่ต้องการนำมาวางแผนก็เป็นส่วนของทุนของกิจการ ซึ่งประกอบด้วยเงินทุนจดทะเบียน และเงินกู้ ที่นับว่าเป็นผลตอบแทนจากกิจการ

ในกรณีทุนมาจากการจดทะเบียน หรือจากเจ้าของการจ่ายค่าตอบแทนจะต้องจ่ายในรูปแบบเงินปันผล ไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ และในกรณีที่ทุนมาจากเงินกู้ จะต้องเป็นการจ่ายดอกเบี้ย ไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ ดังนั้นถ้าคุณกำลังเริ่มต้นทำธุรกิจ และมีเงินลงทุนอยู่จำนวนหนึ่งแทนที่คุณจะนำมาเงินทั้งหมดเป็นทุนจดทะเบียน คุณสามารถแบ่งบางส่วนมาให้ธุรกิจของคุณกู้ยืมก็ได้ เพราะแทนที่คุณจะนำเงินทั้งหมดออกจากบริษัทในรูปแบบเงินปันผลที่ไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ มาให้กิจการกู้ยืมที่จะได้รับดอกเบี้ยแทนนั้นเป็นผลดีกว่า

ซึ่งกิจการสามารถบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ ทำให้ภาษีที่กิจการต้องเสียลดลง หากกิจการใดเปลี่ยนเงินภายในกิจการที่จะจ่ายในรูปของเงินปันผลเป็นการจ่ายดอกเบี้ยแทน ทุกๆเงิน 100 บาท คุณจะสามารถประหยัดภาษีได้ประมาณ 15-20 บาทเลยทีเดียว การปรับโครงสร้างนี่สามารถทำได้ทั้งผู้ที่เริ่มต้นทำกิจการ และผู้ที่ดำเนินกิจการอยู่แล้วเพียงให้กิจการกู้เงินของคุณ

2. กำหนดโครงสร้างผู้ถือหุ้นของกิจการ การใช้สิทธิเครดิตภาษี

ตามกฎหมาย ตามมาตรา 47 ทวิ ผู้ถือหุ้นที่ได้รับเงินปันผลจะได้รับเครดิตภาษีเงินปันผล เท่ากับส่วนของภาษีที่กิจการได้จ่ายไป สรุปก็คือ ผู้รับเงินปันผลจะได้รับภาษีที่กิจการเสียให้สรรพากรไปคืนกลับมา เนื่องจากคุณจะต้องนำรายได้เงินปันผลนี้ไปยื่นภาษีบุคคลธรรมดาอีกครั้ง เพื่อป้องกันการเก็บภาษีซ้ำซ้อนเนื่องจากเสียภาษีรอบแรกที่นิติบุคคล แล้วมาเสียอีกครั้ง 2 ที่บุคคลธรรมดาอีก ในกรณีที่ทำธุรกิจคนเดียว หรือเป็นธุรกิจในครอบครัวการวางโครงสร้างผู้ถือหุ้นโดยให้หลายๆ คนมารับรายได้เงินปันผล จะทำให้คุณสามารถขอภาษีของบริษัทที่เสียไปคืนมาได้ โดยที่ภาระภาษีบุคคลธรรมดาของแต่ละคนก็จะไม่สูงนัก

3. วางแผนวิธีการการจ้างรับเหมา หรือจ้างทำงานให้

สำหรับกิจการใดที่ประกอบกิจการในลักษณะจ้างรับเหมา โดยกิจการจะมีหน้าที่ในการจัดหาวัสดุ เครื่องมือ หรืออุปกรณ์มาทำงานเองทั้งหมด คุณสามารถประหยัดภาษีได้ง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนวิธีการรับรู้รายได้เพื่อลดภาระภาษีถูกหัก ณ ที่จ่ายยกตัวอย่างเช่น

กิจการของคุณรับเหมาในราคา 10,000 บาท โดยปกติจะต้องถูกหัก ณ ที่จ่าย 300 บาท ซึ่งเงินที่คุณจะได้สุทธิในการรับจ้างก็คือ 9,700 บาท และเงิน 300 บาทนี้คุณก็อาจจะไม่อยากทำให้ยุ่งยากด้วยการไปขอคืนจากสรรพากร หรือให้ลูกค้าของคุณมารับผิดชอบในส่วนนี้ ดังนั้นหากคุณต้องการประหยัดภาษีคุณก็สามารถรับจ้างทำของในราคาที่ไม่รวมกับค่าอุปกรณ์ได้ เช่นต้นทุนในการทำงานของคุณอยู่ที่ 4,000 บาท บวกกำไรไปอีก 2,000 บาท คุณก็จะได้รับเงิน 5,820 บาท หลังหักภาษีไป 180 บาท ส่วนค่าอุปกรณ์ก็ให้เป็นหน้าที่ของคนจ้างงานในการจัดซื้อแทน

4. ทำเอกสารรายจ่ายอย่างถูกต้อง

ในการทำเอกสารบางครั้งหลักฐานการรับชำระเงิน หรือใบเสร็จที่ถูกจัดเก็บอาจไม่ไว้สมบูรณ์ หลายกิจการก็มักจะนำค่าใช้จ่ายพวกนี้ไปเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคุณก็สามารถทำเอกสารส่วนนี้ให้สมบูรณ์ได้โดยการ

– ทำใบสำคัญจ่าย และให้ผู้รับเงินเซ็น พร้อมสำเนาบัตรประชาชน

– จ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคาร (ถือว่าสามารถระบุผู้รับเงินได้แล้ว)

– จ่ายด้วยเช็คขีดคร่อมผู้รับเงินไว้ (ถือว่าสามารถระบุผู้รับเงินได้แล้ว)

หากไม่อยากออกเอกสารเพิ่มให้ยุ่งยาก ทุกครั้งที่เกิดค่าใช้จ่ายก็พยายามให้ผู้ออกเอกสารจัดทำเอกสารให้ถูกต้อง เพราะหากเอกสารไม่ถูกต้อง ต้นทุนภายในกิจการก็จะเพิ่มมากขึ้น 15-20% ซึ่งทำให้คุณต้องเสียภาษีเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง

5. ใช้รายการขาดทุนสะสมมาหักภาษี

หลายกิจการที่ดำเนินธุรกิจมักลืมนำการทุนภายใน 5 ปีมาหักค่าใช้จ่ายภาษีเพื่อให้กิจการประหยัดภาษี ดังนั้นหากกิจการใดดำเนินการมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี ก็อย่าลืมเตือนนักบัญชีของตัวเองด้วยว่าถึงเวลาแล้วที่จะนำผลขาดทุนสะสม 5 ปีมาใช้ในการประหยัดภาษีได้



 185
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

Landed Cost คือ ต้นทุนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าจนถึงจุดหมายปลายทาง (เช่น คลังสินค้าของบริษัท) ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนอกเหนือจากราคาสินค้าเอง ทำให้สามารถคำนวณราคาที่แท้จริงของสินค้าเมื่อถึงมือผู้ซื้อหรือผู้นำเข้าได้อย่างถูกต้อง
สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แน่นอนว่ามักจะมีปัญหาทางการเงินเข้ามาให้เจ้าของธุรกิจต้องคอยรับมืออยู่ตลอดเวลา และแม้จะระมัดระวังเป็นอย่างดีด้วยความเป็นมือใหม่ก็อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าความผิดพลาดด้านการเงิน คือ หนทางแห่งความลำบากในการทำธุรกิจ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินในการทำธุรกิจ ลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้ดูเพื่อหาหนทางให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไป โดยข้อผิดพลาดที่ผู้ประกอบการมักพบกันก็คือ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ที่ทำให้กิจการจำเป็นและจำใจต้อง เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ใหม่ เรื่องที่สำคัญคือ
โปรแกรม ERP เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรที่เชื่อมต่อและรวมรวมข้อมูลทั้งหมดขององค์กรในระบบเดียวกัน โดยรวมถึงเรื่องบัญชีทางการเงินด้วย โดยโปรแกรม ERP จะช่วยให้ฝ่ายบัญชีสามารถดำเนินการตรวจสอบรายการเงินสด รายการเจ้าหนี้ รายการลูกหนี้ รายการค่าใช้จ่าย และรายการบัญชีอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
โปรแกรมบัญชี เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะงานบัญชีคือส่วนหนึ่งของธุรกิจ ที่ทำให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารเห็นภาพรวมขององค์กรอย่างชัดเจน การมีโปรแกรมบัญชีเข้ามาช่วยงานบัญชีทำให้องค์กรมีความราบรื่น ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรด้วย นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน
"ยื่นภาษี 2566" การจ่ายภาษีเป็นหนึ่งในหน้าที่ของประชาชนพลเมืองไทย คนไทยทุกคนที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่น "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" นี่ก็ผ่านมาถึงกลางปีแล้ว เพราะฉะนั้น ควรวางแผน ลดหย่อนภาษี ไว้แต่เนิ่น ๆ และหากใครกำลังสงสัยว่าสิทธิ "ลดหย่อนภาษี 2565" มีอะไรบ้าง ทีนี่มีคำตอบค่ะ
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์