• หน้าแรก

  • Accounting Articles

  • บริหารสินค้าคงคลังด้วย Safety Stock ตัวช่วยจัดการสินค้าคงคลังขั้นต่ำ เพื่อป้องกันการขาดแคลนสินค้า

บริหารสินค้าคงคลังด้วย Safety Stock ตัวช่วยจัดการสินค้าคงคลังขั้นต่ำ เพื่อป้องกันการขาดแคลนสินค้า

  • หน้าแรก

  • Accounting Articles

  • บริหารสินค้าคงคลังด้วย Safety Stock ตัวช่วยจัดการสินค้าคงคลังขั้นต่ำ เพื่อป้องกันการขาดแคลนสินค้า

บริหารสินค้าคงคลังด้วย Safety Stock ตัวช่วยจัดการสินค้าคงคลังขั้นต่ำ เพื่อป้องกันการขาดแคลนสินค้า

Safety Stock คือ การบริหารสินค้าคงคลังขั้นต่ำ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “สินค้ากันชน” ที่ธุรกิจควรมีและเก็บไว้นอกเหนือจากความต้องการทั่วไปเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาความแปรผันของกำลังการผลิต และเพื่อป้องกันความไม่แน่นอนในการผลิตและการจัดส่ง การมี Safety Stock ช่วยป้องกันการขาดแคลนสินค้าซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น การเพิ่มขึ้นของความต้องการที่ไม่คาดคิด ความล่าช้าในการจัดส่งจากซัพพลายเออร์ (Supplier) หรือปัญหาในกระบวนการผลิต

บริหารสินค้าคงคลังด้วย Safety Stock

ความสำคัญของ Safety Stock ในการบริหารสินค้าคงคลัง

  1. การป้องกันการขาดแคลนสินค้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ลดความเสี่ยงในการสูญเสียยอดขาย
  2. การเพิ่มความยืดหยุ่น ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการสินค้าคงคลังและการดำเนินงาน ลดความเสี่ยงจากปัจจัยที่ไม่แน่นอน
  3. เพิ่มความมั่นใจและรักษาความพึงพอใจของลูกค้า ทำให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าตามที่ต้องการในเวลาที่กำหนด ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
  4. ลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ในกรณีที่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ภัยธรรมชาติหรือปัญหาทางการเมืองที่ส่งผลต่อการจัดส่งสินค้า การมี Safety Stock จะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องแม้จะมีการหยุดชะงักบางส่วน
  5. สนับสนุนการวางแผนการผลิตและการจัดการสินค้าคงคลัง Safety Stock ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการผลิตและการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความจำเป็นในการทำงานล่วงเวลาและลดต้นทุนการผลิตที่เกิดจากการเร่งผลิตสินค้าในเวลาจำกัด
  6. ป้องกันการสูญเสียโอกาสทางธุรกิจ การมีสินค้าพร้อมจำหน่ายตลอดเวลาช่วยป้องกันการสูญเสียยอดขายหรือโอกาสทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการไม่มีสินค้าจำหน่ายในเวลาที่ลูกค้าต้องการ
  7. ช่วยในการบริหารจัดการความเสี่ยง การมี Safety Stock เป็นการกระจายความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ธุรกิจสามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น
  8. เพิ่มความมั่นใจในการคาดการณ์ความต้องการ แม้ว่าการคาดการณ์ความต้องการอาจไม่แม่นยำ 100% การมี Safety Stock จะช่วยให้ธุรกิจมั่นใจมากขึ้นในการรับมือกับความผันผวนของตลาดและความต้องการของลูกค้า

 

ควรมี Safety Stock ในคลังสินค้าเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสม

การกำหนดปริมาณ Safety Stock ในคลังสินค้า ควรมีให้เพียงพอต่อความต้องการซื้อของลูกค้า เพื่อรอจนกว่าสินค้าที่สั่งซื้อหรือสั่งผลิตจะมาเติม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา เพื่อให้สามารถรองรับความไม่แน่นอนและความเสี่ยงต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม ปัจจัยที่มีผลต่อการกำหนด Safety Stock ได้แก่ ความแปรปรวนของความต้องการ ระยะเวลานำ (Lead Time) ระดับความมั่นใจที่ต้องการ และข้อมูลการจัดการสินค้าคงคลังในอดีต วิธีการคำนวณ Safety Stock มีหลายวิธี แต่หนึ่งในวิธีที่นิยมใช้มากที่สุดคือการใช้สูตรทางสถิติ

 

วิธีการคำนวณหา Safety Stock ของธุรกิจ

Safety Stock = (ความต้องการสูงสุดต่อวัน x ระยะเวลาในการจัดหามากสุด:วัน) – (ความต้องการต่อวัน x ระยะเวลาในการจัดหา:วัน)

ตัวอย่าง: บริษัท A มีความต้องการ 200 ชิ้นต่อวัน (ความต้องการสูงสุด 300 ชิ้นต่อวัน) โดยใช้ระยะเวลาในการจัดหา 10 วัน (ระยะเวลาในการจัดหาสูงสุด 20 วัน) ดังนั้นบริษัทจะต้องมีสินค้าเพียงพอกับความต้องการก่อนที่สินค้าล็อตถัดไปจะมาถึง

Safety Stock = (300 x 20) – (200 x 10) = 4,000

หมายความว่าธุรกิจจะต้องมีสินค้าคงคลังขั้นต่ำเก็บเอาไว้ 4,000 ชิ้น จึงจะเพียงพอต่อการขาย และเพียงพอต่อการป้องกันสินค้าขาดสต็อก

สรุป Safety Stock เป็นส่วนสำคัญในการจัดการสินค้าคงคลัง ช่วยลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนสินค้าและเพิ่มความยืดหยุ่นในการดำเนินงานของธุรกิจ การคำนวณและการปรับปรุง Safety Stock อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับธุรกิจไหนที่มีปัญหาในการจัดการสินค้าคงคลัง ทั้งในเรื่องของปัญหาสินค้าขาดสต็อก สินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ หรือไม่สามารถจัดส่งสินค้าได้ทันตามกำหนด สามารถเลือกใช้ ระบบบริหารคลังสินค้า (Warehouse Management) ในโปรแกรมบัญชี Prosoft WINSpeed ที่ใช้ควบคุมสินค้าคงคลัง ที่ช่วยให้กระบวนการทำงานในคลังสินค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มความรวดเร็วในการทำงาน ตรวจสอบข้อมูลสินค้าได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ อีกทั้งยังรองรับสินค้าที่มีลักษณะเป็น Lot , Lot & Serial , Lot & Expire ซึ่งสามารถบันทึกรายการเคลื่อนไหวของสินค้าได้ทั้งการรับสินค้าเข้า , การจ่ายสินค้าออก , การโอนย้ายสินค้าระหว่างคลัง หรือสาขา มีผลทำให้สามารถตรวจสอบยอดสินค้าคงเหลือในคลัง , ตรวจสอบยอดสินค้าต่ำกว่า Minimum Stock หรือยอดสินค้าสูงกว่า Maximum Stock รวมทั้งแสดงสินค้าที่ไม่มีการเคลื่อนไหวได้อีกด้วย

ระบบบริหารคลังสินค้า (Warehouse Management)

เพื่อให้ธุรกิจได้เข้าใจกระบวนการในการบริหารคลังสินค้ามากยิ่งขึ้น สามารถอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่

บริหารคลังสินค้าอย่างมือโปร เพียงแค่ใช้ โปรแกรมบัญชี (Accounting Software)

บริหารคลังสินค้าอย่างมือโปร เพียงแค่ใช้ โปรแกรมบัญชี (Accounting Software)

ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมจาก :

www.packhai.com

www.businessplus.co.th

 

 599
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

สำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น แน่นอนว่ามักจะมีปัญหาทางการเงินเข้ามาให้เจ้าของธุรกิจต้องคอยรับมืออยู่ตลอดเวลา และแม้จะระมัดระวังเป็นอย่างดีด้วยความเป็นมือใหม่ก็อาจจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ ซึ่งอย่างที่รู้กันว่าความผิดพลาดด้านการเงิน คือ หนทางแห่งความลำบากในการทำธุรกิจ สำหรับใครที่กำลังประสบปัญหาด้านการเงินในการทำธุรกิจ ลองทำความเข้าใจกับสิ่งที่ผิดพลาดเหล่านี้ดูเพื่อหาหนทางให้ธุรกิจอยู่รอดต่อไป โดยข้อผิดพลาดที่ผู้ประกอบการมักพบกันก็คือ
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ที่ทำให้กิจการจำเป็นและจำใจต้อง เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ใหม่ เรื่องที่สำคัญคือ
โปรแกรม ERP เป็นระบบบริหารจัดการทรัพยากรขององค์กรที่เชื่อมต่อและรวมรวมข้อมูลทั้งหมดขององค์กรในระบบเดียวกัน โดยรวมถึงเรื่องบัญชีทางการเงินด้วย โดยโปรแกรม ERP จะช่วยให้ฝ่ายบัญชีสามารถดำเนินการตรวจสอบรายการเงินสด รายการเจ้าหนี้ รายการลูกหนี้ รายการค่าใช้จ่าย และรายการบัญชีอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย
โปรแกรมบัญชี เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะงานบัญชีคือส่วนหนึ่งของธุรกิจ ที่ทำให้เจ้าของกิจการหรือผู้บริหารเห็นภาพรวมขององค์กรอย่างชัดเจน การมีโปรแกรมบัญชีเข้ามาช่วยงานบัญชีทำให้องค์กรมีความราบรื่น ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับองค์กรด้วย นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน
"ยื่นภาษี 2566" การจ่ายภาษีเป็นหนึ่งในหน้าที่ของประชาชนพลเมืองไทย คนไทยทุกคนที่มีรายได้เกิน 120,000 บาทต่อปี มีหน้าที่ต้องยื่น "ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา" นี่ก็ผ่านมาถึงกลางปีแล้ว เพราะฉะนั้น ควรวางแผน ลดหย่อนภาษี ไว้แต่เนิ่น ๆ และหากใครกำลังสงสัยว่าสิทธิ "ลดหย่อนภาษี 2565" มีอะไรบ้าง ทีนี่มีคำตอบค่ะ
เจ้าของธุรกิจที่ซื้อโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ อาจจะต้องเสียค่าซื้อโฆษณาอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น ก็จะเริ่มหันมาสนใจว่า รายจ่ายเหล่านี้สามารถนำมาหักเป็นค่าใช้จ่ายของกิจการได้หรือไม่ หรือภาษีซื้อที่จ่ายไปนำมาใช้ประโยชน์ทางภาษีได้บ้างหรือไม่ ซึ่งสามารถตามไปหาคำตอบพร้อมกันจากบรรทัดต่อจากนี้
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์